นักข่าวอเมริกัน ถูกยิงเสียชีวิต ในระหว่างทำข่าวในประเทศ ยูเครน

นักข่าวอเมริกัน ถูกยิงเสียชีวิต ในระหว่างทำข่าวในประเทศ ยูเครน

สถานการณ์สงครามใน ยูเครน ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง และล่าสุดมี นักข่าวอเมริกัน ถูกยิงเสียชีวิต ในระหว่างทำข่าวในพื้นที่ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า นาย เบรนต์ เรโนด์ นักข่าวชาวอเมริกันวัย 50 ปี ถูกยิงเสียชีวิตที่เมือง เออร์พิน ประเทศยูเครน ในขณะที่เขาลงพื้นที่รายงานถึงสถานการณ์การสู้รบในประเทศยูเครน โดยการเสียชีวิตของนาย เรโนด์ ถือเป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศคนแรกที่เสียชีวิตจากสงคราม

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงเคียฟระบุว่า นาย เรโนด์ เป็นเป้าหมายของทหารรัสเซีย 

พร้อมระบุว่านอกจากนาย เรโนด์ แล้วยังมีผู้สื่อข่าวอีกสองคนได้รับบาดเจ็บและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งในผู้สื่อข่าวที่ได้รับบาดเจ็บได้เล่าว่า พวกเขาจะข้ามสะพานเพื่อไปถ่ายภาพของผู้อพยพลี้ภัยออกจากเมือง เมื่อเราขึ้นรถคนขับก็อาสาจะพาเราไปสะพานอื่นๆ และเมื่อเราข้ามจุดตรวจแล้ว ทหารก็เปิดฉากยิงมาที่เรา แม้รถจะหันกลับแล้ว พวกเขาก็ยังไม่หยุดยิง ซึ่งเรโนด์ถูกยิงเข้าที่คอและเสียชีวิต

เรโนด์ในวัย 50 ปี เป็นนักข่าวสารคดีและผู้กำกับชาวอเมริกัน เคยทำงานให้กับองค์กรสื่อหลายแห่ง เช่น เดอะนิวยอร์กไทมส์, NBC และ HBO รวมถึงเคยคว้ารางวัลสารคดียอดเยี่ยมด้วย ทั้งผู้เสียชีวิตไม่ได้ทำงานกับ นิวยอร์กไทมส์ ในการทำข่าวในประเทศยูเครน

รัสเซียแบนอินสตาแกรม ตามรอยเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ หลังจากที่ทาง ‘เมต้า’ อนุญาตให้แสดงความเกลียดชังต่อประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 14 มีนาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทางการรัสเซีย ได้ทำการสั่งแบนเว็บไซต์ อินสตาแกรม สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังและเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศรัสเซีย หลังจากบริษัท เมต้า ได้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้ข้อความเกลียดชังต่อรัสเซียได้บนสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการจำกัดเข้าถึงสื่อรัสเซีย

ซึ่งทางการรัสเซียได้แถลงเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ทางการรัสเซียจะเริ่มกระบวนในการจัดหมวดหมู่ว่า บริษัทเมต้า เป็นองค์กรของกลุ่มหัวรุนแรง

ก่อนหน้านี้ทางการรัสเซียได้แบนเฟซบุ๊กรวมถึงทวิตเตอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทั้งสองเว็บไซต์ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรและตอบโต้ทางการรัสเซียที่ส่งกองทัพเข้ารุกรานประเทศยูเครน  โดยขณะนี้สงครามได้ดำเนินมานาน 18 วันแล้ว

สถานทูตยูเครนในประเทศไทย ได้ออกมาเปิดเผยถึง ยอดเงินบริจาคช่วยยูเครน ว่ามีประชาชนบริจาคแล้วมากกว่า 5 ล้านบาท สถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยได้ออกมาเปิดเผยยอดบริจาคช่วยประเทศยูเครนที่ถูกรุกรานโดยกองทัพรัสเซียว่าในขณะนี้ได้มีประชาชนในประเทศไทยบริจาคเงินให้กับทางสถานทูตแล้วเป็นเงิน 5,306,750.00 บาท

โดยจำนวนเม็ดเงินดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมในยูเครน และทางสถานทูตได้ทำการโอนเงินจำนวนดังกล่าวไปยังบัญชีพิเศษแล้ว

ทั้งนี้ ทางสถานทูตยังเปิดบัญชีสำหรับประชาชนที่สนใจสามารถบริจาค โดยสามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ เลขบัญชี 911-3-00456-9 ขณะที่ กระทรวงต่างประเทศ ได้ทำการอนุมัติ เงินช่วยเหลือยูเครน ที่ตอนนี้กำลังเผชิญสงคราม เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท เพื่อให้เอาไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

‘ไบเดน’ ออกคำสั่งให้หน่วยรัฐบาลศึกษาคริปโต และพิจารณา US Digital Dollar

ปธน. โจ ไบเดน ได้ลงนามคำสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ดำเนินการศึกษาในด้านของ Cryptocurrencies และพิจารณาถึงการสร้าง US Digital Dollar

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ดำเนินการลงนามชุดคำสั่งการโดยให้หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา ดำเนินการศึกษาเพิ่มเติมใน Cryptocurrencies ทั้งในด้านของความเสี่ยง และโอกาส/ผลประโยชน์ของมัน นอกจากนี้แล้วยังได้รวมไปถึงการสร้าง US Digital Dollar อย่างเป็นทางการด้วย

อ้างอิงจากเอกสารของทางทำเนียบขาวแล้วนั้น รัฐบาลของไบเดน ได้มองถึงการได้รับความสนใจของสินทรัพย์ดิจิทัลว่าเป็น “โอกาสที่จะเสริมความเป็นผู้นำในด้านระบบเศรษฐกิจระดับโลก และการบุกเบิกเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา” แต่ทว่าก็ยังคงมีความกังวลใน Cryptocurrencies ปนอยู่ด้วย “ยังรวมไปถึงนัยสำคัญในส่วนของการปกป้องผู้บริโภค, ความมั่นคงทางการเงิน, ความปลอดภัยของชาติ และความเสี่ยงทางด้านสภาพแวดล้อม”

โดยภายในเอกสารดังกล่าวนั้นยังได้มีการแนะนำให้มีการพิจารณานโยบายที่มีไว้เพื่อป้องกันประเทศจากการกระทำที่มีผิดปกติ และความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยของชาติที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในด้านโครงสร้างทั่วทั้งประเทศเพื่อผลักดันการแข่งขัน และความเป็นผู้นำในด้านนี้ อีกทั้งความเป็นไปได้ในการสร้าง U.S. CBDC ขึ้นมา

ซึ่งบรรดาบริษัท และนักลงทุนทางด้าน Crypto นั้น ก็ได้มองว่าการดำเนินการดังกล่าวถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความหวัง โดยพวกเขานั้นก็ยินดีพร้อมที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐ และทางกฎหมายในด้านนี้

“เห็นได้ชัดว่าแต่ละประเทศมีจุดแข็งทางเศรษฐกิจของตัวเอง ซึ่งเป็นขอบเขตที่เราสามารถนำเทคโนโลยี5Gเข้าไปเสริมโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมแบบเฉพาะเจาะจง. เพื่อเป็นการต่อยอดความสามารถในการแข่งขันของประเทศนั้นๆ.” มร. เคน หู กล่าวสรุป.

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป